กระเพาะอาหาร (Stomach) เป็นอวัยวะหนึ่งในระบบทางเดินอาหารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการย่อยอาหาร โดยรูปกระเพาะอาหาร จะตั้งเฉียงอยู่บริเวณตำแหน่งลิ้นปี่ และบริเวณสะดือ ครอบคลุมไปถึงบริเวณชายโครงซ้าย และใต้กะบังลม
รูปร่าง และลักษณะกระเพาะอาหาร
รูปร่าง ขนาด และตำแหน่งกระเพาะอาหารจะเปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณอาหารที่มีอยู่ภายในกระเพาะอาหาร ลักษณะรูปร่างของคน และตำแหน่ง ของร่างกาย ได้แก่
- เมื่ออยู่ในท่ายืน กระเพาะอาหารจะเคลื่อนห้อยลงต่ำ แต่หากอยู่ในท่านอน กระเพาะอาหารจะเคลื่อนอยู่สูงขึ้น
- เมื่อกระเพาะอาหารว่าง กระเพาะอาหารจะหดตัวลง ทำให้มีรูปร่างเหมือนเคียวหรือไส้กรอก แต่เมื่อกระเพาะอาหารได้รับอาหารเข้าไป กล้ามเนื้อกระเพาะอาหารก็จะขยายตัวออกเพื่อรองรับอาหารให้จุได้มากขึ้น
- คนอ้วนจะมีตำแหน่งของกระเพาะอาหารอยู่ตามขวาง แต่คนผอมกระเพาะอาหารจะอยู่ ตามยาว
เมื่ออาหารเคลื่อนตัวเข้าสู่กระเพาะจะเกิดลักษณะการคลายตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะอาหาร และทำให้ลดการตึงตัวของกระเพาะอาหารลง โดยแบ่งได้เป็น 2 ปฏิกิริยา คือ
- Adaptive relaxation หมายถึง การคลายตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะอาหารให้สามารถขยายหรือยืดพองออกได้มากขึ้นตามปริมาณอาหารที่เพิ่มขึ้น
- Receptive relaxation หมายถึง การคลายตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะอาหารเพื่อรองรับอาหารที่จะเคลื่อนตัวลงมาจากหลอดอาหาร
โครงสร้างกระเพาะอาหาร
- ชั้นนอก (Serosa) เป็นชั้นที่ประกอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้มคลุมผิวนอกของชั้นกล้ามเนื้อกระเพาะอาหาร และเชื่อมติดกับเยื่อแขวนกระเพาะ (Omentum) ทำหน้าที่ขับน้ำเมือกเคลือบกระเพาะอาหาร และช่วยทำให้อาหารลื่น
- ชั้นกล้ามเนื้อ (Muscle layers) ประกอบด้วยกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงตัวกัน 3 ชั้น คือ ชั้นในที่วางตัวในแนวเฉียง ชั้นกลางที่วางตัวเป็นวงล้อมรอบ และชั้นนอกที่วางตัวตามแนวยาวของกระเพาะอาหาร กล้ามเนื้อส่วนนี้ จะทำหน้าที่ช่วยในการเคลื่อนไหว การคลายตัว และการบีบรัดของกระเพาะอาหารในขณะที่มีการย่อยอาหาร
- ชั้นเยื่อเมือก (Mucosa) เป็นผนังกระเพาะอาหารที่อยู่ชั้นในสุด ประกอบด้วยต่อมสร้างน้ำย่อย และสารช่วยในการย่อย พร้อมรูเปิดของต่อม
- ชั้นใต้เยื่อเมือก (Submucosa) เป็นผนังส่วนที่ถัดจากชั้นเยื่อเมือก ประกอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective tissue) เป็นหลัก ทำหน้าที่ช่วยยึดระหว่างชั้นกล้ามเนื้อ และชั้นเยื่อเมือกไว้ด้วยกัน ซึ่งชั้นนี้จะมีเส้นประสาท หลอดเลือด และท่อน้ำเหลืองมาเลี้ยงจำนวนมาก
แนะนำบทความยอดนิยม Miradry จากเว็บไซต์ Rattinan.com
กระเพาะอาหาร แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
- กระเพาะอาหารส่วนต้น (Fundus) จะเชื่อมต่อหลอดอาหาร โดยมากจะมีอากาศอยู่
- กระเพาะอาหารส่วนกลาง (Body) เป็นส่วนที่มีพื้นที่มากที่สุด พื้นที่กระเพาะอาหารที่อยู่ระหว่างกระเพาะอาหารส่วนต้น และส่วนปลาย
- กระเพาะอาหารส่วนปลาย (Pylorus) เป็นกระเพาะอาหารส่วนที่เชื่อมต่อกับลำไส้เล็กตอนต้น
หน้าที่ของกระเพาะอาหาร
- เป็นส่วนแรกที่ช่วยในการคลุกเคล้าอาหารเพื่อการย่อยอาหาร ทั้งเชิงกลด้วยการบีบรัดตัว และเชิงเคมีจากปฏิกิริยาเคมีของกรดไฮโดรคลอริกร่วมกับเอนไซม์
- รองรับอาหารอาหารที่เคลื่อนตัวมาจากหลอดอาหาร
- หลั่งน้ำย่อยหรือเอนไซม์ สำหรับการย่อยอาหาร
- สร้างเมือกเคลือบผนังกระเพาะอาหารสำหรับป้องกันความเป็นกรด-ด่างที่อาจทำลายหรือย่อยผนังกล้ามเนื้อกระเพาะอาหารได้
- ช่วยกำจัดหรือลดจุลินทรีย์ก่อโรคที่ปนเปื้อนมากับอาหาร
- พักอาหาร และเก็บสำรองอาหารให้เข้าสู่ร่างกายได้จำนวนมาก– เอนไซม์เปปซิน (pepsin) ที่ทำงานร่วมกับกรด
- เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ผลักอาหารให้เคลื่อนตัวเข้าสู่ลำไส้เล็ก ด้วยการบีบตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะอาหาร
- ทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหารบางชนิดที่ดูดซึมได้ง่าย อาทิ แอลกอฮอล์ และน้ำ
- ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของกระเพาะอาหาร
เมื่อเราทราบถึงหน้าที่และรูปกระเพาะอาหารแล้ว เราควรจะต้องดูแลรักษาให้ดี อย่าให้เกิดอาการของโรคกระเพาะอาหารอักเสบขึ้นได้ เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะสร้างความรำคาญให้กับเรา เนื่องจากว่าจะมีอาการปวดท้อง แสบท้อง หรือมีอาการแน่นท้อง ซึ่งอาการนี้จะเป็น ๆ หาย ๆ การที่เราจะหายขาดจากโรคกระเพาะนั้นเราจะต้องมีวินัยในการดูแลตัวเองและรักษาให้ถูกวิธี
บทความแนะนำ ฉีดสลายไขมัน VS ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม จาก Rattinan.com
การรักษาโรคกระเพาะอาหารต้องขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรคที่พบ ซึ่งจำเป็นต้องตรวจวินิจฉัยก่อนเพื่อให้ทราบว่าผู้ป่วยเป็นโรคกระเพาะจากสาเหตุใด ซึ่งจะแบ่งการรักษา ดังนี้
การรักษาโรคกระเพาะอาหารมี 2 แบบ คือ
- การรักษาด้วยยา หากมีอาการติดเชื้อแพทย์จะให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
- การรักษาโดยไม่ใช้ยาผู้ที่เป็นโรคกระเพาะจะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
บทสรุป
ในการดูแลรักษารูปกระเพาะอาหารนั้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโรคกระเพาะอาหาร ควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลา หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดการสูบบุหรี่ และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหากปฏิบัติได้ตามนี้ท่านจะมีโอกาสหายขาดจากโรคกระเพาะอาหารอย่างแน่นอน