แผลในกระเพาะอาหาร คือแผลที่เกิดขึ้นรอบ ๆ เยื่อบุของกระเพาะ หลอดอาหาร และก็ลำไส้เล็กส่วนต้น อาการที่พบมากคือเจ็บท้อง มักเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการรับเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร หรือการใช้ยาพาราต้านการอักเสบในกลุ่มเอ็นเสดเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ตัวอย่างเช่น แอสไพริน ไอบูโปรเฟน เป็นต้น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการทานอาหารที่มีรสเผ็ดอาจก่อให้อาการแย่ลงได้ แผลในกระเพาะพบบ่อยในคนที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หากปล่อยไว้แล้วไม่ได้รับการดูแลรักษาจะทำให้อาการร้ายแรงขึ้น และเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้
อาการและความรุนแรง
คนไข้บางครั้งอาจจะเจ็บท้องมากหรือน้อยตามอาการ ท้องเฟ้อ อ้วก กินอิ่มง่าย ถ้าเกิดมีอาการร้ายแรง จะมีเลือดไหลและทำให้กระเพาะทะลุ ซึ่งถือได้ว่าอาการที่ร้ายแรงมาก โดยทั่วไปพบว่าคนไข้จำนวนร้อยละ 50 – 60 อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น และก็หายไปเองโดยไม่ต้องรับการดูแลรักษา แต่ว่าโอกาสที่จะกลับมาเป็นอีกมีสูงมากถึงปริมาณร้อยละ 80 ต่อให้ได้รับการดูแลรักษาดีเท่าใดก็ตาม และที่สำคัญ คือ พบว่ามีอาการแทรกซ้อน ซึ่งก็คือ มีเลือดออก ถ่ายเป็นเลือด ถ่ายเป็นสีดำเหลว ยิ่งไปกว่านี้ หากแผลทะลุจะมีผลให้เจ็บท้องอย่างหนัก จับไข้ ช็อกและอาจถึงแก่ชีวิตได้ โดยทั่วไปคนไข้ที่เคยมีเลือดไหลจะมีโอกาสเกิดโรคซ้ำเพิ่มจากเดิมร้อยละ 20 – 25 เป็นปริมาณร้อยละ 50 และจากสถิติพบว่าคนไข้จำนวนร้อยละ 50 ของคนไข้ที่มีเลือดไหลจะไม่มีการแสดงอาการใดๆแม้แต่ปวดท้องซึ่งเป็นสิ่งที่พึงระวังของโรคประเภทนี้
ปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อมีแผลในกระเพาะอาหาร
นอกเหนือจากไปพบหมอ การทานยาแล้ว การปฏิบัติตัวเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำควบคู่ไปกับการกินยา ซึ่งจะมีผลให้แผลในกระเพาะหายเร็วขึ้น แล้วก็การปฏิบัติตัวเมื่อเกิดแผลในกระเพาะอาหารมีดังนี้
- รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย
- รับประทานอาหารปริมาณน้อย ๆ แต่รับประทานให้บ่อยมื้อ
- เลี่ยงอาหารเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ของดอง น้ำอัดลม
- เลี่ยงอาหารไขมันสูง แล้วก็ของทอด
- งดดูดบุหรี่ แล้วก็งดดื่มสุรา
- งดการใช้ยาพาราแอสไพริน และก็ยาแก้โรคกระดูกและข้ออักเสบทุกประเภท
- คลายความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ
- ถ้าหากมีอาการของภาวะแทรกซ้อน เจ็บท้องรุนแรง หรือเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ควรจะรีบไปพบหมอ
โรคกระเพาะอาหารบางทีอาจเป็นโรคที่หลาย ๆ คนยังละเลย เพียงเพราะว่าคิดว่าเป็นโรคที่ไม่รุนแรง แต่ว่าความเป็นจริง หากทิ้งเอาไว้นานวันเข้า โรคที่คิดว่าไม่รุนแรงบางทีอาจเป็นต้นเหตุของโรครุนแรงอย่าง โรคมะเร็งกระเพาะได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีอาการที่ยังไม่รุนแรงก็สามารถรักษาโดยทานยาลดกรดร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และถ้าหากมีอาการที่ยังไม่ดีขึ้น มีอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ควรจะรีบไปพบหมอ เพื่อการดูแลและรักษาที่ถูกต้อง ทันเวลา และก็ป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำได้อีก
ภาวะแทรกซ้อนของแผลในกระเพราะมีอะไรบ้าง
ภาวะแทรกซ้อนพบได้โดยประมาณร้อยละ 25-30 ได้แก่
- เลือดไหลในกระเพาะ พบบ่อยที่สุด คนไข้จะมีอาการอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำเหลว หรือหน้ามืด หรือมาด้วยภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก เกิดจากเสียเลือดจากแผลเพ็ปติกทีละน้อยอย่างเรื้อรัง
- กระเพาะทะลุ มีอาการเจ็บท้องตอนบนเฉียบพลันรุนแรง หน้าท้องแข็งตึง กดเจ็บมาก
- กระเพาะอุดตันคนไข้จะอิ่มเร็ว อ้วก ไม่อยากกินอาหารน้ำหนักลด
แผลในกระเพาะอาหารจะกลายเป็นโรคมะเร็งได้หรือไม่
โรคแผลในกระเพาะจะไม่เปลี่ยนเป็นโรคมะเร็ง นอกเหนือจากการที่จะเป็นแผลชนิดที่เกิดขึ้นมาจากโรคมะเร็งของกระเพาะเองตั้งแต่เริ่มต้นโดยตรง อาการที่บ่งชี้ว่าอาจมีโรคมะเร็งกระเพาะ ดังเช่น เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลงมาก ซีดเซียวลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ถ่ายอุจจาระดำหรืออ้วกเป็นเลือด อ้วกมาก และเป็นติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ
แผลในกระเพาะสามารรักษาให้หายขาดได้หรือไม่
แผลในกระเพาะสามารถรักษาให้หายได้ และสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้เช่นกันหากคนไข้ที่เคยเป็นแผลในกระเพาะมาก่อนและปฏิบัติตัวแบบผิด ๆ อาการของแผลในกระเพาะก็จะกลับมาเหมือนเดิมหรืออาจรุนแรงขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้ ทางที่ดีเมื่อคุณรักษาตัวเองให้หายแล้วก็ควรปฏิบัติตัวเองให้ดี กินอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารขยะที่จะก่อให้เกิดแผลในการะเพาะอาหารได้อีก หากคุณปฏิบัติได้แผลในกระเพาะจะไม่กลับมาหาคุณอย่างแน่นอน
ควรรำลึกไว้เสมอว่า โรคแผลในกระเพาะอาหารมักเป็นโรคเรื้อรัง เมื่อรักษาแผลหายแล้วยังมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก หลังได้รับยาอาการปวดจะหายไปก่อนใน 3-7 วัน แต่ว่าแผลจะยังไม่หาย ส่วนมากคนไข้ควรต้องได้รับยารักษาติดต่อกันนาน 4-8 อาทิตย์แผลจึงจะหาย เมื่อหายแล้วจะกลับมาเป็นใหม่ได้อีกถ้าหากไม่ระวังปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง หรือถ้ายังไม่สามารถกำจัดเชื้อ เฮดิแบคเตอร์ไพโลไร ให้หมดไปได้ค่ะ