กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคที่พบได้ทุกเพศทุกวัน แต่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหลายเท่า เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงจะสั้น และอยู่ใกล้ทวารหนักซึ่งเป็นแหล่งที่มีเชื้อโรคมาก เชื้อโรคจากบริเวณดังกล่าวจึงเข้าทางท่อปัสสาวะของผู้หญิงได้ง่ายกว่าผู้ชาย
สาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- การติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ
- การใช้ยาบางชนิดในปริมาณมาก
- การได้รับบำบัดรังสีวิทยา
- อยู่ระหว่างการใช้สายสวนทางเดินปัสสาวะ
- การใช้ผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัยที่ไม่สะอาด
วิธีรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบรักษาอย่างไร
จริง ๆ เราสามารถดูแลรักษา และป้องกันไม่ให้เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วยวิธีง่าย ๆ และสามารถทำให้เป็นกิจวัตรประจำวันได้
- การดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ ประมาณวันละ 3-4 ลิตร เมื่อไม่มีโรคที่ต้องจำกัดน้ำดื่ม ซึ่งการดื่มน้ำจะช่วยขับเชื้อโรคออกและลดอาการปวดแสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะได้ ซึ่งปกติหากเราดื่มน้ำเป็นประจำวันละ 8-10 แก้วก็สามารถป้องกันโรคได้
- ควรถ่ายปัสสาวะทุกครั้งที่รู้สึกปวด ไม่กลั้นปัสสาวะ เพราะการกลั้นปัสสาวะ จะทำให้เรารู้สึกปวดท้องน้อย ปวดหัวหน่าว หากเรากลั้นบ่อย ๆ ก็จะทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบได้
- หลีกเลี่ยงสารอาหารที่ระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะ เช่น กาแฟ แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ใส่น้ำตาล
- การทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศหรือภายหลังการขับถ่าย ต้องทำจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอ เพื่อป้องกันเชื้อโรคปนเปื้อนผ่านเข้าท่อปัสสาวะเข้ามาในกระเพาะปัสสาวะ
- และควรไปพบแพทย์ทุกครั้งเมื่อเกิดอาการผิดปกติ ไม่ควรซื้อยามาทานเอง เพราะจะทำให้ดื้อยาได้
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ สมุนไพร
ปัจจุบันมีสมุนไพรไทยเราที่หาได้ง่าย เพื่อใช้รักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งบางครั้งเราอาจคาดไม่ถึงก็เป็นได้
พลูคาว
เป็นสมุนไพรที่ช่วยแก้อาการอักเสบและการติดเชื้อได้ มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการขัดเบา ปัสสาวะออกกะปริดกะปรอย เป็นยาขับปัสสาวะตำรับสมุนไพรจีนโบราณ และรักษาโรคริดสีดวงทวารได้ด้วย
กระเจี๊ยบ
เป็นพืชสมุนไพรใช้รักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะได้ทั้งสิ้น เมล็ดของกระเจี๊ยบช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ และช่วยลดอาการปวดแสบท้องน้อยเนื่องจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้อีกด้วย นอกจากนี้กระเจี๊ยบยังมีสรรพคุณที่น่าสนใจอีกมาก เช่น ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดอาการบวมช้ำ และรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้
ใบของหญ้าหนวดแมว
เป็นตัวช่วยที่ดีในการล้างสารพิษ เนื่องจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีสาเหตุหลักเกิดจากเชื้อที่คั่งค้างจากปัสสาวะ การดื่มน้ำหญ้าหนวดแมวต้มสะอาดจะช่วยล้างสารพิษ ลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวด และช่วยขับสารพิษออกทางปัสสาวะได้
นางแย้ม
เป็นไม้ดอกที่สวยงาม จึงไม่ค่อยคุ้นหูนักในเรื่องของการเป็นยาสมุนไพรรักษาโรค แต่ตามตำราสมุนไพรโบราณพบว่า ใบและรากของนางแย้มช่วยขับปัสสาวะ รักษาโรคที่เกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะได้ ช่วยให้ปัสสาวะที่ขุ่นข้น มีเลือดปน ใสสะอาดมากขึ้น ทั้งยังช่วยให้ท่อปัสสาวะสะอาด ขับระดูขาว และของเสียได้
มะละกอ
ใบและรากของมะละกอเป็นสมุนไพรชั้นดี ที่ช่วยแก้อาการอักเสบต่าง ๆ ได้ดีจนกลายเป็นหนึ่งในส่วนผสมของยาแก้อักเสบ รากของมะละกอช่วยในการขับปัสสาวะ และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะได้อีกด้วย
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หลังมีเพศสัมพันธ์
อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหลังมีเพศสัมพันธ์ มีอาการปัสสาวะแสบ หรือขัด หรือแสบตอนที่กำลังปัสสาวะใกล้จะเสร็จ บางครั้งปัสสาวะอาจมีเลือดปน ปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
สาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหลังมีเพศสัมพันธ์
เมื่อช่องคลอด และทวารหนักอยู่ใกล้กับท่อปัสสาวะ ในขณะมีเพศสัมพันธ์ อาจนำเชื้อโรคเข้าไปในท่อปัสสาวะได้ผ่านทางท่อปัสสาวะ นอกจากนี้หากมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด และรูทวารหนักในคราวเดียวกัน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อบริเวณช่องคลอด และท่อปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น และการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง จนเกิดบาดแผลเล็ก ๆ บริเวณช่องคลอด หรือใกล้ท่อปัสสาวะ และผู้หญิงที่อยู่ในภาวะช่องคลอดแห้ง หรืออยู่ในวัยหมดประจำเดือน ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์ได้
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ห้ามกินอะไร
กระเพาะปัสสาวะอักเสบนั้นขึ้นกับสาเหตุของการเกิด โดยทั่วไปกระเพาะปัสสาวะอักเสบนั้นควรได้รับการรักษาโดยเร็ว หากคุณมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบทางที่ดีที่สุดควรเข้ารับการรักษาจากแพทย์
กระเพาะปัสสาวะอักเสบห้ามกินอะไรและระหว่างได้รับการรักษาควรทำสิ่งใดบ้าง:
- ควรดื่มน้ำเปล่าในปริมาณมาก และควรดื่มน้ำแครนเบอร์รี่หรือแครนเบอร์รี่แบบอัดเม็ด
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะเครื่องดื่มประเภทนี้จะกระตุ้นกระเพาะปัสสาวะ
- ห้ามอั้นปัสสาวะ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบสามารถรักษาด้วยตนเองได้ที่บ้าน
การดูแลรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วยตนเองสามารถทำได้โดย
- การใช้แผ่นความร้อนประคบที่หน้าท้องหรือหลัง
- ใช้ยาบรรเทาอาการปวดกระเพาะปัสสาวะ อาทิเช่น ไอบูโพรเฟนและอะซีตามีนโนเฟน
- การนั่งแช่น้ำแบบซิทส์บาธ (Sitz Bath) เพื่อทำความสะอาดบริเวณอุ้งเชิงกราน
- สวมใส่กางเกงชั้นในที่บางเบาและสบาย