เลเซอร์หลายท่านอาจสงสัยว่าเลเซอร์หลุมสิวหายได้ไหม ในปัจจุบันมีสาว ๆ ที่พึงพอใจใช้เลเซอร์สำหรับเพื่อการรักษาหลุมสิว กันมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าเห็นผลได้ไวรวมทั้งชัดเจนมากยิ่งกว่าวิธีอื่น ๆ แต่ว่าก็มีผู้หญิงอีกหลายท่านที่อาจยังมีคำถามในใจว่า จะเจ็บมากไหม จะใช้ยาชาหรือไม่ หรือหน้าเราจะคล้ำง่ายมากยิ่งขึ้นไหม วันนี้เรามีคำตอบมาให้ท่านแล้วค่ะ
หลุมสิวมีสาเหตุจาก
หลุมสิวในความเป็นจริงหลุมบนผิวหน้าส่วนมากเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการอักเสบของสิว การอักเสบกินลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้ทำให้คอลลาเจน (Collagen) ในส่วนนั้นถูกทำลาย เมื่อการอักเสบหายไป แต่ไม่มีการผลิตคอลลาเจนขึ้นมาซ่อมแซม หรือการซ่อมแซมเป็นไปได้ช้าจนสุดท้ายก็กลายเป็นพังผืด เป็นหลุมบนผิวหน้าทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน และเป็นหลุมลึกได้
ชนิดของหลุมสิว
- Ice pick scar : อันนี้จะเป็นหลุมสิวที่มีความร้ายแรงที่สุด รูปแบบของหลุมสิวจะมีปากหลุมที่แคบ แล้วก็มีก้นหลุมสิวที่ลึก หลุมสิวประเภทนี้ ค่อนข้างจะที่ยากสำหรับการรักษา
- Box scar : หลุมสิวรูปแบบนี้ จะมีปากหลุมที่กว้างกว่า Ice pick scar แต่ก็มีก้นหลุมสิวที่ตื้นกว่า จัดว่าเป็นหลุมสิวระดับปานกลาง สามารถรักษาหลุมสิวได้ด้วยการใช้ยาใช้ภายนอก หรือเซรั่มได้
- Rolling scar : หลุมสิวแบบนี้ เป็นหลุมที่มีความรุนแรงต่ำที่สุด เป็นเพียงแค่แอ่งตื้น ๆ ที่มีปากกว้าง สามารถรักษาหลุมสิวได้ง่ายที่สุด
เตรียมตัวยังไงก่อนไปเลเซอร์หลุมสิว
- ควรที่จะเลือกหมอหรือสถานพยาบาลเสริมความงามเฉพาะทาง
- ควรจะหาข้อมูลแนวทางการทำ เลเซอร์ แล้วก็ผลกระทบจากการทำไว้ให้พร้อม
- ควรจะตระเตรียมข้อมูลตนเอง อาทิเช่น การทานยา – แพ้ยา การทานฮอร์โมน ประวัติการผ่าตัด หรือศัลยกรรมบริเวณใบหน้าให้แพทย์รู้ด้วย
- ไม่ควรทายา หรือกรดผลไม้ต่าง ๆ ก่อนไปรักษา
- ควรจะหยุดทายาละลายหัวสิวก่อนทำเลเซอร์
- หยุดดูดบุหรี่
7.หลีกเลี่ยงการออกแดด หรือพบแสงอาทิตย์แรง ๆ
เลเซอร์หลุมสิวจำนวนกี่ครั้ง ถึงจะหาย
ตามปกติแล้ว การดูแลและรักษาหลุมสิวจะใช้เวลาค่อนข้างนาน ส่วนใหญ่จะได้ผลหลังจากการเลเซอร์ในครั้งที่ 2-3 ขึ้นไป ขึ้นกับสภาพผิวหน้าของแต่ละคน แล้วก็ใช้เวลารักษาประมาณ 3-6 เดือน ใบหน้าจึงเริ่มเรียบเนียนขึ้น
เลเซอร์หลุมสิวมีกี่แบบ
แบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังต่อไปนี้
- Ablative laser เลเซอร์ประเภทมีแผล การดูแลและรักษาด้วยเลเซอร์แบบนี้มักจะมีสะเก็ดบนบริเวณใบหน้าประมาณ 1 อาทิตย์ หลังจากนั้น ผิวจะค่อย ๆ ฟื้นและก็กลับสู่สภาวะปกติ แต่วิธีนี้ควรมีการดูแลตัวเองหลังเลเซอร์ค่อนข้างมาก และมีโอกาสเกิดรอยดำและเป็นกระเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
- Nonablative laser เลเซอร์ประเภทไม่มีแผล การเลเซอร์ หลุมสิว แบบนี้จะสามารถไปทำงาน หรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ว่าก็ยังไม่มีประสิทธิภาพสักเท่าไหร่
- Fractional laser การเลเซอร์แบบนี้ช่วยทำให้เกิดการผลิตผิวใหม่เพื่อเติมเต็มสภาพผิวได้ดี แต่ว่าผิวหน้าต้องใช้เวลาสำหรับเพื่อการพักฟื้น 1 – 2 เดือน
ขั้นตอนการเลเซอร์หลุมสิวเป็นอย่างไร?
การเลเซอร์หลุมสิวนั้นใช้เวลารักษาไม่นานนัก ประมาณ 30-45 นาที ขึ้นอยู่กับสภาพผิว โดยระหว่างการยิงเลเซอร์บางทีอาจรู้สึกเจ็บบางส่วนการเลเซอร์หลุมสิวมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวหน้าบริเวณที่ทำการรักษา และบางทีอาจทายาชาเพื่อทุเลาความเจ็บปวด
- หมอผิวหนังจะใช้เลเซอร์ยิงไปบริเวณหลุมสิวที่ต้องการรักษา โดยจะปรับระดับเลเซอร์ให้เหมาะสมกับแต่ละคน เพื่อให้เห็นผลการดูแลรักษาดีที่สุด ทั้งนี้ ระหว่างการดูแลรักษา หมออาจมีการเป่าลมเย็นไปพร้อมกัน เพื่อลดความร้อน ทุเลาอาการเจ็บ
- เมื่อยิงเลเซอร์เสร็จ หมออาจใช้มาร์กชนิดเย็นประคบใบหน้า เพื่อลดรอยแดงและก็ทุเลาอาการเจ็บ
แนวทางในการดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์หลุมสิว
- ควรจะล้างแผลแล้วก็ทายาตามเวลาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- ต้องระวังไม่ให้แผลสัมผัสกับสารที่อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคือง ดังเช่น แอลกอฮอล์ โฟมที่ใช้ล้างหน้าหรือโทนเนอร์
- ควรจะเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางจนกว่าผิวหน้าจะฟื้นไปสู่สภาวะปกติ
- ควรจะหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดแล้วก็ความร้อน แม้ว่าจะทาโลชั่นสำหรับป้องกันแสงแดดเป็นประจำก็ควรจะเลี่ยงการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน ๆ
- ควรจะบำรุงเซลล์ผิวใหม่ให้ชุ่มชื้น ส่วนคนที่ใช้ยาใช้ภายนอกรักษาสิวอุดตันหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไกลโคลิค จำต้องหยุดใช้แล้วค่อยกลับมาใช้ได้อีกทีหลังผ่านไป 6 อาทิตย์หรือตามหมอสั่ง
- ควรที่จะใช้ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดดหรือค่าเอสพีเอฟ 30 ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิวที่บางลงหลังทำเลเซอร์
ค่าใช้จ่ายสำหรับในการทำเลเซอร์หลุมสิว
โดยปกติค่าใช้จ่ายสำหรับการเลเซอร์หลุมสิวอยู่ที่ครั้งละ 1,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลหรือคลินิกแต่ละที่ แต่โดยมากแล้วการเลเซอร์มักไม่เห็นผลในครั้งแรก สถานพยาบาลหรือคลินิกโดยมากจึงมักจัดแพ็กเกจ โดยราคาแพ็กเกจมักถูกกว่าการซื้อเป็นรายครั้ง ถึงแม้ว่าการเลเซอร์นับว่าไม่อันตราย แต่ว่าผู้เข้ารับบริการก็ควรทำการศึกษาเรียนรู้และทำการค้นคว้าข้อมูลอย่างละเอียด ขอความเห็นหมอผู้ที่มีความเชี่ยวชาญถึงผลลัพธ์ และก็ผลกระทบที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญควรจะเลือกสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรอง มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด