ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก

การ ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งในวิธีในการลดน้ำหนักเมื่อเราทำวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล ซึ่งมรมานานกว่า 20 ปี และส่วนใหญ่ในต่างประเทศเขาทำกันแล้ว ได้รับความนิยมอย่างมาก เช่น ประเทศออสเตรเลีย ที่มีผ่าตัดลดน้ำหนัก ( bariatric surgery) มากกว่า 10,000 ราย/ปี ซึ่งต่างประเทศเขามีแนวคิดที่ว่าเสียเงินตอนนี้เพียงครั้งเดียวดีกว่าต้องเสียระยาวในการใช้เป็น ค่ายา ค่ารักษาโรคที่เกิดจากความอ้วนเช่นเบาหวาน ความดัน โรคหยุดหายใจขณะหลับได้เป็นอย่างดี นอกจากการผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดความอ้วนแล้วยังสามารถช่วยการรักษามะเร็งกระเพาะอาหารซึ่งการตัดกระเพาะออกไปคนไข้มะเร็งกระเพาะอาหารมักจะมีน้ำหนักตัวที่ลดลง

การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก เป็นการผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารด้วยวิธี Laparoscopic sleeve gastric bypass เป็นวิธีการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลง ช่วยจำกัดปริมาณอาหารที่รับประทาน ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

การเข้าพบแพทย์ก่อนการผ่าตัด

การเข้าพบแพทย์ก่อนการผ่าตัด

ก่อนรับการผ่าตัดแพทย์จะวินิจฉัยว่า คุณสามารถลดความอ้วนด้วยวิธีนี้ได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าคนอ้วนทุกคนที่ต้องการลดน้ำหนักจะสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ทุกคน เพราะแพทย์จะพิจารณาการผ่าตัดโดยใช้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา

คนปกติ BMI จะอยู่ที่ 18.5-24.9 กก./ตร.ม.  คนที่มี BMI มากกว่า 30 กก./ตร.ม. ขึ้นไปถือว่าเป็นคนอ้วน แต่ยังไม่ถือว่าเป็นโรคอ้วน ส่วนคนที่มีค่า BMI อยู่ที่ 35 กก./ตร.ม. ขึ้นไปถือเป็นคนอ้วนขั้นรุนแรง

และ BMI ที่ 40 กก./ตร.ม. ขึ้นไปถือเป็นโรคอ้วน ซึ่งคนที่มีค่า BMI ตั้งแต่ 35 ขึ้นไปคือคนที่สมควรเข้ารับการผ่าตัด เพราะไม่สามารถลดความอ้วนด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหารได้

ประโยชน์ของการเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก

ช่วยจำกัดปริมาณการบริโภคอาหาร ทำให้ผู้เข้ารับการรักษากินอาหารน้อยลง ไม่รู้สึกหิว ช่วยให้กระเพาะอาหารเล็กลง อิ่มเร็วขึ้น ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ

การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักมี 2 แบบ

1.ผ่าตัดกระเพาะแบบสลิฟ (sleeve gastrectomy) เป็นการตัดกระเพาะออกประมาณ 75% ของความจุเพื่อทำให้กินน้อย น้ำหนักลดลง เหมาะสำหรับคนที่อ้วน และไม่มีวิธีอื่นแล้ว ในการลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะออกกำลังกายหรือลดอาหาร
สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำไม่ได้ผล คือการเจ็บป่วยเดิม ในหลาย ๆรายคนไข้อาจจะมีอุบัติเหตุ ที่ขาจนเดินไม่ได้ หรือเป็นโรคเก๊าท์จนเดินไม่สะดวกดังนั้นการออกกำลังกายจึงเป็นไปไม่ได้ เมื่อเป็นติดต่อกันหลาย ๆ ปี จึงทำให้น้ำหนัก มากขึ้น จนควบคุมไม่ได้แม้จะพยายามควบคุมอาหารแล้วก็ตามแต่การใช้พลังงานต่ำกว่าน้ำหนักจึงทยอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

2.ผ่าตัดกระเพาะบายพาส(laparoscopic Bypass gastrectomy) หรือ Roux En Y Gastric Bypass ถือเป็นวิธีมาตรฐานของการ  เป็นวิธีที่ได้ผลลดน้ำหนักมากที่สุด โดยใช้เทคนิคส่องกล้องผ่าตัดแบบแผลเล็กเหมือนวิธีอื่นๆ แต่จะเพิ่มการตัดลำไส้ส่วนที่ดูดซึมน้ำตาลออกด้วยบางส่วน ทำให้ลดน้ำหนักได้มากและนาน ไม่เกิดอาการหิวและรักษาโรคเบาหวานได้ดี

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเข้ารับการผ่าตัด

เนื่องจากการผ่าตัดนี้ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับยาสลบ ดังนั้นจึงอาจมีความเสี่ยงได้เท่า ๆ กับการผ่าตัดอื่น ส่วนภาวะแทรกซ้อนอาจเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ฯลฯ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าสมควรได้รับการผ่าตัดหรือไม่ส่วนใหญ่แล้ว แพทย์จะไม่อนุญาตให้เข้ารับการผ่าตัด

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะ

1. ก่อนเข้ารับการผ่าตัดแพทย์จะทำการตรวจร่างกายผู้ที่เข้ารับการรักษาและส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร เพื่อให้มั่นใจว่ามีสุขภาพแข็งแรงเพียงพอที่จะเข้ารับการผ่าตัด
2. เข้ารับการทดสอบสภาพจิตใจว่าพร้อมจะเข้ารับการผ่าตัดและพร้อมจะเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพหลังการผ่าตัดหรือไม่
3. ประเมินภาวะโรคที่เป็นอยู่ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคปอด เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถควบคุมโรคต่างๆ เหล่านี้ และเข้ารับการผ่าตัดได้
4. หากผู้ป่วยสูบบุหรี่ จะต้องหยุดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการผ่าตัด 2-3 สัปดาห์
5. หากกำลังรับประทานยา อาหารเสริม หรือสมุนไพร ควรปรึกษาแพทย์
6. งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืนในวันที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด

การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัดกระเพาะ

การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัดกระเพาะ

  • หลังการผ่าตัดผู้ป่วยจะได้รับการควบคุมอาหารทันที โดยจะได้รับแผนการรับประทานอาหารจากแพทย์และต้องเข้ารับคำปรึกษาจากนักโภชนาการ
  • หลังผ่าตัดสัปดาห์แรกผู้ป่วยจะรับประทานได้แต่อาหารเหลว เช่น ซุปใส ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่ไม่เติมน้ำตาลและไม่อัดลม น้ำผัก น้ำผลไม้ โยเกิร์ต แต่ผู้ป่วยจะต้องจำกัดปริมาณสารน้ำที่ได้รับในแต่ละครั้ง
  • ส่วนสัปดาห์ที่ 2 ผู้ป่วยจะได้รับการจำกัดให้รับประทานอาหารเป็นชิ้นเล็ก ๆ เช่น ข้าวต้ม หลังจากนั้นจะปรับเปลี่ยนเป็นอาหารปกติ แต่ควรรับประทานในปริมาณน้อย ๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียดและนานกว่าปกติก่อนกลืน

แนวทางการรับประทานอาหาร

  • การลดน้ำหนักจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณรับประทาน รับประทานอาหารให้ช้าลง และเคี้ยวให้ละเอียดการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดจะทำให้ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และระคายเคืองกระเพาะอาหารได้
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำตาล ควรจำกัดปริมาณน้ำตาลให้เหลือเพียง 15 กรัม หรือน้อยกว่านั้น ต่อการรับประทานหนึ่งมื้อ เพื่อช่วยควบคุมแคลอรี่ในอาหาร
ใส่บอลลูนลดน้ำหนัก

Written by

ExcessiveSweating.in.th

ตัดหนังส่วนเกิน ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก ศัลยกรรมตัดหนังส่วนเกิน ช่วยให้ลดความอ้วน เป็นเรื่องง่ายขึ้น