หากคุณรู้สึกไม่สบายท้อง รับประทานอะไรเข้าไปก็เกิดอาการรู้สึกแน่น จุกเสียด เป็น ๆ หาย ๆ นั่นคืออาการส่วนหนึ่งของโรคกระเพาะอาหาร ซึ่งมักพบได้บ่อย โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานอาจรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา มีความเครียด หรือรับประทานยาที่กัดกระเพาะ ซึ่งอาการอาจมีความรุนแรงจนเป็นเหตุให้ต้องหยุดงานเพื่อเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือในบางรายอาจรักษาด้วยสมุนไพรรักษาโรคกระเพาะ
สาเหตุของโรคกระเพาะ
- เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ชื่อ Helicobacter pylori ที่อาศัยอยู่ในกระเพาะอาหารของคนเรา
- เกิดจากการรับประทาน ยาแก้อักเสบ หรือแก้ปวดจำพวกที่ใช้ในโรคกระดูกและข้อ และยาแอสไพริน เป็นเวลานาน ๆ
- การที่ท่านรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา
- เกิดจากที่ท่านมีภาวะความเครียด และความวิตกกังวล
- การมีก้อนเนื้องอกในกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นได้ทั้งเนื้อดี และเนื้อร้ายอีกด้วย
- การดื่มสุรา และการสูบบุหรี่
อาการของโรคกระเพาะ
- อาจมีอาการของโรคกรดไหลย้อน ซึ่งได้แก่ เรอเปรี้ยว หรือแสบร้อนหน้าอกร่วมด้วยได้
- มีอาการปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่เหนือสะดือ เช่น แสบร้อน
- หลังรับประทานอาหารจะมีอาการแน่นอึดอัด อิ่มเร็วกว่าปกติ
- ในบางรายอาจมีอาการเรอหรือคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
เมื่อเกิดเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบแล้ว หากปล่อยไว้เรื้อรังอาจเกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหารหรือมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน จึงเกิดวิธีการรักษาที่หลากหลายนอกจากการใช้ยาและแพทย์แผนปัจจุบันแล้วการรักษาด้วยสมุนไพรก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความสนใจและนำมาใช้บรรเทาอาการจากโรคกระเพาะอาหาร
สมุนไพรรักษาโรคกระเพาะอาหาร
- ขมิ้นเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่หาได้ง่าย มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง และช่วยให้ระบบย่อยอาหารภายในร่างกายเป็นปกติ โดยซื้อขมิ้นชันแบบผงมารับประทานเอง ให้ใช้ขมิ้นชันผง 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว (ไม่เต็ม) แล้วรับประทาน
- ลูกยอ สรรพคุณที่โดดเด่นของลูกยอจะช่วยรักษาโรคกรดไหลย้อนได้ดี การใช้ลูกยอรักษาโรคกรดไหลย้อนยังดีต่อกระเพาะอาหารด้วย เนื่องจากสารในลูกยอจะช่วยเร่งการสมานแผลของกระเพาะอาหาร
- กล้วยน้ำว้า โดยนำกล้วยมาหั่นขวางเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วนำไปตากให้แห้ง เมื่อแห้งแล้วให้นำมาตำให้ละเอียด แล้วใช้ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำแล้วรับประทานหลังอาหารทุกมือจะช่วยให้อาการดีขึ้น
- กะหล่ำปลี มีสารอาหารกลูตามีนช่วยกระตุ้นให้กระเพาะอาหารสร้างเยื่อบุผนังกระเพาะได้รวดเร็ว ทำให้แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้หายได้เร็ว แนะนำให้รับประทานสด หรือคั้นเป็นน้ำแล้วดื่มเพื่อจะช่วยคงคุณค่าสารอาหารได้ดีกว่านำไปปรุงสุก
- มะขามป้อม มีสรรพคุณช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ลดกรดเกินในกระเพาะอาหาร และบำรุงอวัยวะในร่างกายได้หลายส่วนรวมทั้งกระเพาะอาหารด้วย ซึ่งวิธีรับประทานมะขามป้อมเพื่อรักษาโรคกระเพาะให้รับประทานผงลูกมะขามป้อมวันละ 4 ครั้ง ครั้งละ 1-2 ช้อนชา ก่อนอาหารและก่อนนอน
- หัวปลี ยางจากหัวปลีมีฤทธิ์ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร โดยวิธีใช้ให้นำปลีกล้วยน้ำว้ามาเผา แล้วบีบเอาแต่น้ำ กะให้ได้ประมาณครึ่งแก้ว ดื่มก่อนอาหาร ถ้ากินติดต่อกันได้ 3 วันอาการของโรคกระเพาะอาหารอาจหายขาดได้
- เปล้าน้อย สมุนไพรที่มีสาร Disterpene alcohol มีฤทธิ์สมานแผลในกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี และยังสามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหาร โดยวิธีใช้ให้นำใบอ่อนไปตากแห้ง บดให้ละเอียด และนำมาต้มหรือชงน้ำดื่ม
- กระเจี๊ยบเขียว เป็นสมุนไพรช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ วิธีใช้ให้นำฝักอ่อนของกระเจี๊ยบเขียวหั่นตากแดด บดให้ละเอียด กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ โดยนำมาละลายในน้ำ นม น้ำผลไม้ หรืออาหารอ่อน ๆ กินวันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร (เวลาละลายจะได้น้ำยาเหนียว ๆ)
- ว่านหางจระเข้ ซึ่ง วุ้นสดของว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ดี วิธีใช้ให้เลือกใช้ใบล่างสุดของต้นก่อน นำมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วขูดเอาวุ้นใสมารับประทานวันละ 2 ครั้ง
- ฝรั่ง มีสารแทนนินอยู่มาก ซึ่งสารแทนนินช่วยลดอาการอักเสบของกระเพาะลำไส้ และช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ทั้งยังช่วยอาการเกร็งตัวของลำไส้ ทำให้อาการปวดท้องบรรเทาลงได้ ดังนั้นใครเป็นโรคกระเพาะอาหารก็กินฝรั่งบรรเทาอาการได้เลยค่ะ
บทสรุป
สมุนไพรรักษาโรคกระเพาะ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ชอบรับประทานยาเคลือบกระเพาะ และราคาก็ไม่แพงหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป แต่อย่างไรเสียการป้องกันไม่ให้เกิดโรคจะดีกว่าการที่จะต้องมานั่งรักษา จึงควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลา และควรหาเรื่องผ่อนคลายเพื่อบรรเทาความเครียดที่อาจทำให้เกิดโรคได้