สาว ๆ ที่มีปัญหาในเรื่องของใบหน้าที่มีส่วนเกินเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการมีแก้มที่หย่อนคล้อยไม่กระชับเรียวสวยนั้นส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากการที่มีไขมันมากเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้หญิงที่มีน้ำหนักเยอะ และเมื่อมีใบหน้าที่ใหญ่ มีแก้มที่ห้อยย้อย คงต้องหาวิธีที่จะลดแก้มห้อยในบางรายไม่ต้องการที่จะพึ่งการทำศัลยกรรมไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อก ร้อยไหม หรือแม้กระทั่งการผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม ซึ่งการพึ่งศัลยกรรมนั้นอาจทำให้สิ้นเปลืองเงินได้ จึงต้องหาวิธีลดแก้มที่ห้อยย้อยด้วยการใช้ธรรมชาติบำบัดก่อน ซึ่งการใช้วิธีธรรมชาตินี้ไม่ต้องเสียเงินแต่ต้องขยันหมั่นบริหารใบหน้าอยู่บ่อย ๆ แต่ในบางรายที่ไม่ชอบหรือมีความขี้เกียจที่จะบริหารคงต้องพึ่งการทำศัลยกรรมเข้าช่วย พูดแล้วเรามาดูวิธีลดแก้ด้วยวิธีธรรมชาติกันก่อนดีกว่าว่ามีแบบใดบ้าง
วิธีกำจัดส่วนเกินบนใบหน้าด้วยตนเอง
- การบริหารแบบAir-Puffing
วิธีเป็นการบริหารกล้ามเนื้อปากและแก้มโดยให้ท่านอมลมไว้ในปากที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณแก้มของคุณกระชับและได้สัดส่วน โดยให้สูดลมเข้าปากและอมไว้ให้ทำแบบนี้ค้างไว้เป็นเวลา 10 วินาที ต่อจากนั้นเลื่อนลมอากาศไปยังแก้มด้านซ้ายและค้างตำแหน่งเดิมไว้ 10 วินาที ต่อมาทำเหมือนกันเลื่อนไปที่แก้มด้านขวาค้างไว้อีก 10 วินาที ทำซ้ำขั้นตอนนี้ 20 ครั้ง และทำแบบนี้เป็นประจำสองครั้งต่อวัน
- การบริหารบริเวณโหนกแก้ม
วิธีนี้จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตของแก้มและจะเพิ่มความร้อนจากนิ้วมือไปที่ใบหน้าของคุณทำให้ไขมันบริเวณนี้สลาย โดยให้วางนิ้วชี้ของคุณบริเวณโหนกแก้มทั้งสองข้าง กดนิ้วมือลงไปที่ผิวหนังวางขนานกับหน้าในแนวตรง เริ่มหมุนปลายนิ้วของคุณในทิศทางเข้าออกข้างจมูก หมุนต่อไปเรื่อย ๆ ให้ครบเป็นเวลา 60 วินาที และทำแบบนี้เป็นประจำสองครั้งต่อวัน
- การบริหารแบบ Push and Smile
วิธีนี้เป็นการตึงผิวแล้วยิ้มช่วยในเรื่องของกล้ามเนื้อแก้มและกรามกระชับ และยังช่วยในเรื่องของริ้วรอยอีกด้วย โดยให้ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างรูดผิวหน้าไปด้านหลังให้ตึง จากนั้นให้ยืดกล้ามเนื้อริมฝีปากโดยการยิ้มควรจะค่อย ๆ ยิ้มอย่างนุ่มนวลเพื่อไม่ให้เกิดริ้วรอย ยิ้มให้กว้างรักษาตำแหน่งนี้เป็นเวลา 5 วินาที จึงปล่อยรอยยิ้ม ทำซ้ำประมาณ 10 ครั้ง และยกมือขึ้นแล้วทำซ้ำต่ออีก 5 ครั้งต่อครั้ง ทำอย่างน้อยสองครั้งต่อวัน
- การบริหารแบบ Tongue Tease
วิธีนี้จะช่วยกำจัดไขมันบนใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว โดยให้ท่านแลบลิ้นออกมาในขณะที่ยิ้ม หากทำถูกต้องจะรู้สึกตึง ๆ แน่นๆ บริเวณโหนกแก้ม รักษาตำแหน่งค้างไว้ 10 วินาทีแล้วพัก ทำซ้ำ 20 ครั้งในทำอย่างน้อยวันละสองครั้ง
การบริหารใบหน้าในลักษณะนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อไขมันส่วนเกินที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้นมาได้แต่ก็ต้องใช้เวลาในการทำและต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในบางรายต้องการเห็นผลที่รวดเร็วไม่ต้องการที่จะรอผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จึงต้องเข้าพึ่งการทำศัลยกรรมที่ปัจจุบันนี้มีวิธีมากมายที่จะลดแก้มห้อยของท่านให้กลับมามีความกระชับและมีรูปหน้าที่เรียวสวยได้ดังเดิม ซึ่งเรามาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีใดบ้างที่จะทำให้ใบหน้าของเรามีความกระชับขึ้นและกลับมาสวยได้อีกครั้ง หรือเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมทาง rattinanhospital.com ผู้ที่เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ที่คอยดูแลเกี่ยวกับด้านความงามมานานมากกว่า 10 ปี
ปัญหาของการเกิดแก้มห้อยของคนเรานั้นมักมาจากหลาย ๆ สาเหตุไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อ อายุที่มากขึ้น ซึ่งกลไกการหย่อนคล้อยของใบหน้านั้นเกิดจากการยืดออกของอีลาสตินและคอลลาเจน และยังรวมไปถึงกระดูกจะบางและยุบตัวลง โดยจะเห็นถึงร่องแก้ม ร่องใต้ตา ผิวหนังใบหน้าหย่อนคล้อยที่ตกและพับย่นลงมา หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่าส่วนที่ห้อยย้อยลงมานั้นคือก้อนไขมันที่ถ่วงใบหน้าจึงหาวิธีที่จะกำจัดไขมันด้วยการปรึกษาแพทย์เพื่อที่จะทำการฉีดสลายไขมัน ปัญหาของรูปหน้าหย่อนคล้อยนั้นวิธีแก้ไขนั้นแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน โดยแพทย์จะต้องทำการประเมินเพื่อที่จะปรับรูปหน้าเพื่อหาวิธีที่เหมาะกับใบหน้าของคนคนนั้น โดยที่วิธีแก้จะมีอยู่ด้วยกัน ดังนี้
วิธีแก้ปัญหาแก้มห้อย แก้มย้อย ที่นิยมกัน มีดังนี้
- Hifu เป็นการใช้คลื่นเสียงที่มีความปลอดภัยสูง ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในทุกชั้นผิว สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวได้โดยตรง ซึ่งวิธีนี้ไม่ต้องใช้เข้ม ไม่ต้องทำการผ่าตัด โดยที่ Hifu จะมีหลักการทำงานที่ใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่พัฒนามาจากการอัลตร้าซาวด์ดูครรภ์ทางการแพทย์ ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิวแต่ละชั้นเพื่อทำให้ผิวชั้นนั้นหดตัวเสมือนกับการเย็บที่เนื้อ ซึ่งเป็นการดึงหน้า ช่วยให้ผิวดูยกกระชับ แก้ปัญหาแก้มย้อย แก้มห้อย และช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์มากขึ้น
การลดแก้มห้อยด้วยวิธีนี้จะช่วยป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคตได้ด้วย หลังทำ Hifu ผลลัพธ์อยู่ได้ 6 เดือน และสามารถมีระยะเวลาถึง 1 ปี แต่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม
- ร้อยไหม วิธีนี้สามารถแก้ปัญหาแก้ห้อยที่เห็นผลลัพธ์ได้ทันที เหมาะกับผู้ที่มีแก้มห้อยมาก ๆ โดยแพทย์จะใช้เข็มนำเส้นไหมละลายที่มีเงี่ยงสอดลงในชั้นผิวหนัง หากร้อยด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็จะเกิดเป็นเส้นใยอิลาสตินช่วยประคองผิว โดยจะมีจุดที่ดึงบริเวณแก้มส่วนล่างและจุดที่ยึดอยู่บริเวณขมับดึงเข้าหากันจึงสามารถดึงแก้มที่หย่อนขึ้นได้ ผลลัพธ์หลังทำจะอยู่ได้นาน 4 – 24 เดือน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่เลือกใช้ด้วย ในกรณีที่ผู้เข้ารับบริการมีเนื้อแก้มเยอะและมีไขมันที่แก้มมาก ก่อนทำการร้อยไหมแพทย์จะแนะนำให้ทำเมโสแฟตก่อนเพื่อที่จะให้แก้มน้อยลงจะได้ดึงไหมได้เยอะขึ้น ซึ่งการร้อยไหมนี้ไม่ได้ช่วยในเรื่องของการลดไขมันบนใบหน้า การร้อยไหมนี้จะมีข้อควรระวังคืออาจเกิดการบวมช้ำหลังทำ ทั้งจากการฉีดยาชา และเลือดที่ออกใต้ผิวหนัง ถึงแม้หลังทำทันทีจะบวมน้อย แต่ก็อาจจะบวมมากขึ้นในช่วง 3-4 วันแรก ซึ่งส่วนมากก็จะหายได้เองภายใน 7-14 วัน
- ฉีดสลายไขมัน เมโสแฟต วิธีนี้จะเป็นการฉีดตัวยาที่จะเข้าไปสลายไขมันในชั้นไขมัน สามารถฉีดลดแก้ม ลดเหนียง แก้ปัญหา แก้มย้อย แก้มห้อย ที่มีสาเหตุจากไขมันได้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดสัดส่วนไขมันในบางจุด ซึ่งจะเห็นผลเร็ว โดยเมื่อฉีดเมโสแฟตไขมันจะเริ่มสลายตัว 10-15% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ประมาณ 1-3 สัปดาห์หลังฉีด ผลลัพธ์ได้นาน 2-3 เดือน แต่ก็จะมีข้อควรระวังคือ หลังฉีดจะมีอาการบวม แต่ตัวยาจะซึมยุบไปเองประมาณ 3-4 ชั่วโมง
ปัญหาที่สาว ๆ ไม่อยากให้เกิดบนใบหน้าของตัวเองนั่นคือ การที่มีรูปหน้าที่หย่อนคล้อยไม่กระชับ ซึ่งจะมีสาว ๆ หลาย ๆ คนที่พยายามหาวิธีที่จะทำให้รูปหน้ามีความกระชับและดูเด็กลง อาจจะใช้วิธีทางธรรมชาติด้วยการบริหารใบหน้าตามที่ได้นำเสนอไปแต่ก็จะทำให้เห็นผลไม่ชัดเจนหรือเห็นผลที่ช้าเกินไป ซึ่งหากต้องการเห็นผลที่รวดเร็วการทำศัลยกรรมลดแก้มห้อยในปัจจุบันนี้วงการแพทย์ได้คิดค้นขึ้นมากมายซึ่งก่อนที่จะเข้ารับบริการจะต้องทำการศึกษาให้ละเอียดเพื่อที่เมื่อเข้ารับบริการแล้วจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและมีความปลอดภัย